คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการทำงานของเว็บไซต์ ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่ทำให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานในเว็บไซต์ของเราได้อย่างปลอดภัย
บทความ
ทำไมหลายครอบครัวมักจะกู้ร่วมซื้อบ้าน?
สำหรับคู่รักคู่ไหนที่แพลนจะแต่งงานหรือจะเป็นคู่รัก LGBT ที่คิดจะมีบ้านสักหลัง คงเป็นเรื่องที่ดีหากจะยื่นกู้ร่วมซื้อบ้านด้วยกันเพื่อให้ธนาคารอนุมัติได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังจากทำการกู้ร่วมซื้อบ้านแล้วก็อาจไม่ได้มีเรื่องดีเสมอไป มาดูกันว่าทำไมเราถึงต้องกู้ร่วมซื้อบ้าน และข้อควรระวังมีอะไรบ้างครับ
การกู้ร่วม คือ การทำสัญญายื่นกู้ทรัพย์สินชิ้นเดียวกัน คล้ายกับการค้ำประกันให้อีกฝ่าย เพื่อให้ทางธนาคารเห็นว่าจะมีอีกคนมารับผิดชอบในการชำระหนี้ และมีความสามารถในการผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ตามสัญญา นำไปสู่การอนุมัติการขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
ตอนนี้บางธนาคารได้มีนโยบายออกมาซัพพอร์ตกลุ่มคู่รัก LGBT เนื่องมาจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง "พ.ร.บ.คู่ชีวิต" แล้ว เพื่อให้กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นธรรม เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่ง "คู่ชีวิต" ในที่นี้ หมายความว่า บุคคลสองคนซึ่งเป็นเพศเดียวกันโดยกำเนิด และได้จดทะเบียนคู่ชีวิตตาม พ.ร.บ.นี้ ดังนั้น เมื่อกลุ่มคู่รัก LGBT อยากจะร่วมสร้างรากฐานด้วยกันแล้ว ก็ย่อมได้รับสิทธิ์ทางธุรกรรมเท่าเทียมกับคู่รักปกติทั่วไป เช่น การกู้สินเชื่อร่วมกัน เป็นต้น
ธนาคารที่มีนโยบายให้สินเชื่อบ้านระหว่างผู้กู้ร่วม LGBT ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารยูโอบี โดยทั่วไปธนาคารจะพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อจากคุณสมบัติของผู้กู้ โดยปกติจะดูความน่าเชื่อถือว่ามีกำลังในการผ่อนหนี้ต่อเดือนได้หรือไม่ ตามเงื่อนไขของสเตทเมนท์เงินเดือน ภาระหนี้ และอายุขั้นต่ำ ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะกำหนดไว้ไม่เท่ากันครับ
1. ธนาคารไทยพาณิชย์
ที่มา: รายละเอียดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพานิชย์
2. ธนาคารกสิกรไทย
ที่มา: รายละเอียดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกสิกร
3. ธนาคารยูโอบี
ที่มา: รายละเอียดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารยูโอบี
เงื่อนไขการกู้ร่วมของกลุ่มคู่รัก LGBT
เอกสารรับรองการอยู่ร่วมกันของคู่รัก LGBTQ+
นอกจาก เอกสารทั่วไปที่ต้องใช้ในการยื่นกู้สินเชื่อ แล้ว กลุ่มคู่รัก LGBT ต้องเตรียมเอกสารรับรองการอยู่ร่วมกันเพื่อยืนยันว่าคู่ของเรามีคุณสมบัติที่จะทำให้ธนาคารอนุมัติได้ อาจจะเป็น
การถือครองกรรมสิทธิ์บ้านของกลุ่มคู่รัก LGBT
ธนาคารส่วนใหญ่จะให้การถือครองกรรมสิทธิ์ของคู่รัก LGBT ต้องใส่ชื่อผู้กู้ทั้ง 2 คน เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน และเมื่อผ่อนชำระบ้านครบหมดแล้ว กรรมสิทธิ์จะตกเป็นชื่อผู้กู้ร่วมซื้อบ้านทั้งคู่ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะผ่อนชำระไม่เท่ากันก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วหากต้องการเป็นกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว จะต้องมีการโอนบ้านหรือทรัพย์สินไปให้อีกคน ซึ่งต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนตามนโยบายของแต่ละธนาคารด้วย
หากกลุ่มคู่รัก LGBT เลิกรากัน ต้องจัดการอย่างไร?
กรณีที่กลุ่มคู่รักเลิกรากัน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการผ่อนชำระต่อ ธนาคารมีวิธีจัดการดังนี้
1. กรณีคู่รักที่แยกทางกัน แต่ยังผ่อนไม่หมดและมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการผ่อนต่อ
หากคู่รัก LGBT เลิกรากัน จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบผ่อนต่อโดยไม่มีข้อยกเว้น โดยธนาคารจะประเมินความสามารถของผู้กู้ร่วมซื้อบ้านที่เหลือว่าจะผ่อนชำระไหวหรือไม่ และหากกลุ่มคู่รัก LGBT ตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์แล้วจบกันได้ด้วยดี ธนาคารจะให้ผู้กู้ร่วมอีกฝ่ายเซ็นยินยอม ส่วนบ้านจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของอีกฝ่ายแต่เพียงผู้เดียว ก็สามารถผ่อนชำระต่อจากยอดเดิมได้เลย
แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่ผู้กู้อีกฝ่ายไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อคนเดียวได้ สามารถเปลี่ยนชื่อผู้กู้ร่วมซื้อบ้านให้เป็นญาติหรือคนในครอบครัวแทน โดยทำการ รีไฟแนนซ์ แต่ก็ต้องเป็นผู้กู้ร่วมซื้อบ้านใหม่ที่ธนาคารพิจารณาแล้วว่ามีความสามารถในการผ่อนแทนคนรักเดิม หากพิจารณาแล้วไม่ผ่านก็ไม่สามารถถอนชื่อผู้กู้ร่วมได้ บ้านก็ยังถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของทั้งคู่อยู่นั่นเอง
การ รีไฟแนนซ์ จะมีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วย จึงต้องสอบถามและคำนวณค่าใช้จ่ายให้เพียงพอเสียก่อน
2. กรณีที่แยกทางกันแต่ไม่ได้ทำการรีไฟแนนซ์ และมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องการรักษาทรัพย์สินไว้โดยผ่อนชำระต่อคนเดียวจนหมด
หากเกิดกรณีนี้ ถึงแม้ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผ่อนชำระหมดแล้ว บ้านหรือทรัพย์ก็ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของทั้ง 2 คน แต่หากเจรจาตกลงกันได้ สามารถทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ให้กับอีกฝ่ายที่รับผิดชอบชำระหนี้มาโดยตลอดได้ แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบคือ ตกลงไม่ได้ ดังนั้น ผู้ที่ผ่อนมาตั้งแต่แรกผู้เดียว ต้องฟ้องร้องถอนชื่อเจ้าของร่วมออก หลักฐานที่ใช้ยืนยัน เช่น เอกสารการหักหนี้ผ่านบัญชีธนาคารทุกเดือน, สลิป-ใบเสร็จในการจ่ายหนี้ โดยใช้สิทธิทางศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (มาตรา 55) เพื่อขอถอนชื่อออกจากโฉนดได้
3. กรณีต้องการขายทรัพย์สินที่ครอบครองร่วมกัน ต้องได้รับความยินยอมจากทุกฝ่าย
หากกลุ่มคู่รัก LGBT กู้ร่วมซื้อบ้านแล้วเกิดการแยกทางกัน แต่ยังผ่อนชำระค่าหนี้กับธนาคารไม่หมด และไม่มีผู้ใดต้องการผ่อนต่อ หรือไม่มีความสามารถในการผ่อนทรัพย์สินต่อเพียงผู้เดียว วิธีการขายทรัพย์สินนั้นทิ้งก็ถือว่าเป็นทางออกครับ เพราะผู้กู้ร่วมซื้อบ้านทั้งหมดจะได้ไม่มีภาระผูกพันกันทางหนี้สินอีกต่อไป
แต่การขายต้องได้รับความยินยอมจากทั้ง 2 ฝ่าย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการขาย แต่อีกฝ่ายไม่ยินยอม ก็ไม่สามารถขายได้เช่นกันครับ
ข้อมูลประกอบจาก
ghbank.co.th, thinkofliving.com และ sansiri.com
สำหรับคู่รักคู่ไหนที่แพลนจะแต่งงานหรือจะเป็นคู่รัก LGBT ที่คิดจะมีบ้านสักหลัง คงเป็นเรื่องที่ดีหากจะยื่นกู้ร่วมซื้อบ้านด้วยกันเพื่อให้ธนาคารอนุมัติได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังจากทำการกู้ร่วมซื้อบ้านแล้วก็อาจไม่ได้มีเรื่องดีเสมอไป มาดูกันว่าทำไมเราถึงต้องกู้ร่วมซื้อบ้าน และข้อควรระวังมีอะไรบ้างครับ
การกู้ร่วมคืออะไร
การกู้ร่วม คือ การทำสัญญายื่นกู้ทรัพย์สินชิ้นเดียวกัน คล้ายกับการค้ำประกันให้อีกฝ่าย เพื่อให้ทางธนาคารเห็นว่าจะมีอีกคนมารับผิดชอบในการชำระหนี้ และมีความสามารถในการผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ตามสัญญา นำไปสู่การอนุมัติการขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
คุณสมบัติของผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน
- ต้องมีหลักฐานรายได้ที่ชัดเจน
- มีประวัติการชำระหนี้ที่ตรงต่อเวลา
- มีรายได้เพียงพอที่จะร่วมรับผิดชอบภาระหนี้กับเราได้
- ควรกู้ร่วมกับบุคคลในครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกัน เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก หรือสามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันแล้ว
- ปล. หากเป็นคู่รักที่ยังไม่จดทะเบียนสมรสร่วมกัน อาจมีปัญหาในการโอนกรรมสิทธิ์ในภายหลัง ทำให้เรื่องดำเนินการช้าหากไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้
ข้อดีของการกู้ร่วมซื้อบ้าน
- ขออนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มวงเงินมากกว่าเดิม
- สามารถผ่อนชำระได้มากขึ้น
- ช่วยกระจายความเสี่ยง
- สร้างความน่าเชื่อถือต่อธนาคาร
การกู้ร่วมของกลุ่มคู่รัก LGBT
ตอนนี้บางธนาคารได้มีนโยบายออกมาซัพพอร์ตกลุ่มคู่รัก LGBT เนื่องมาจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง "พ.ร.บ.คู่ชีวิต" แล้ว เพื่อให้กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นธรรม เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่ง "คู่ชีวิต" ในที่นี้ หมายความว่า บุคคลสองคนซึ่งเป็นเพศเดียวกันโดยกำเนิด และได้จดทะเบียนคู่ชีวิตตาม พ.ร.บ.นี้ ดังนั้น เมื่อกลุ่มคู่รัก LGBT อยากจะร่วมสร้างรากฐานด้วยกันแล้ว ก็ย่อมได้รับสิทธิ์ทางธุรกรรมเท่าเทียมกับคู่รักปกติทั่วไป เช่น การกู้สินเชื่อร่วมกัน เป็นต้น
ธนาคารที่กลุ่มคู่รัก LGBT สามารถกู้ร่วมซื้อบ้านได้
ธนาคารที่มีนโยบายให้สินเชื่อบ้านระหว่างผู้กู้ร่วม LGBT ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารยูโอบี โดยทั่วไปธนาคารจะพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อจากคุณสมบัติของผู้กู้ โดยปกติจะดูความน่าเชื่อถือว่ามีกำลังในการผ่อนหนี้ต่อเดือนได้หรือไม่ ตามเงื่อนไขของสเตทเมนท์เงินเดือน ภาระหนี้ และอายุขั้นต่ำ ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะกำหนดไว้ไม่เท่ากันครับ
1. ธนาคารไทยพาณิชย์
คุณสมบัติผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน | เอกสารในการขอสินเชื่อ | เงื่อนไขสินเชื่อ | ดอกเบี้ย |
|
|
| อัตราดอกเบี้ยคงที่ MRR 5.995 |
2. ธนาคารกสิกรไทย
คุณสมบัติผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน | เอกสารในการขอสินเชื่อ | เงื่อนไขสินเชื่อ | ดอกเบี้ย |
|
|
|
|
3. ธนาคารยูโอบี
คุณสมบัติผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน | เอกสารในการขอสินเชื่อ | เงื่อนไขสินเชื่อ | ดอกเบี้ย |
|
|
|
|
เงื่อนไขการกู้ร่วมของกลุ่มคู่รัก LGBT
- ในการกู้ร่วม คู่รัก LGBT จะต้องมีเอกสารรับรองการอยู่ร่วมกัน
- คู่รัก LGBT จะสามารถกู้ได้สูงสุด 90-95% เท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่คุณสมบัติและความมั่นคงทางอาชีพหรือการเงินของผู้กู้เป็นหลักด้วย
เอกสารรับรองการอยู่ร่วมกันของคู่รัก LGBTQ+
นอกจาก เอกสารทั่วไปที่ต้องใช้ในการยื่นกู้สินเชื่อ แล้ว กลุ่มคู่รัก LGBT ต้องเตรียมเอกสารรับรองการอยู่ร่วมกันเพื่อยืนยันว่าคู่ของเรามีคุณสมบัติที่จะทำให้ธนาคารอนุมัติได้ อาจจะเป็น
- ทะเบียนบ้านที่อยู่อาศัยร่วมกัน
- ชื่อการกู้ร่วมซื้อรถยนต์ร่วมกัน
- สลิปการเติมน้ำมันให้กับรถยนต์ที่เป็นชื่อคู่รักเป็นประจำ
- เอกสารอื่น ๆ ที่ยืนยันว่าทำธุรกิจร่วมกันก็สามารถใช้ประกอบการกู้ได้
- ต้องระบุในใบสมัครบริการสินเชื่อบ้านให้ชัดเจนว่าผู้กู้ร่วมมีความสัมพันธ์เป็น “คู่รัก” กับผู้กู้หลัก
- เซ็นเอกสารรับรองการอยู่ร่วมกัน
- รูปภาพหรือคลิปวิดีโอเพื่อยืนยันว่าเป็นคู่รักจริง ๆ
การถือครองกรรมสิทธิ์บ้านของกลุ่มคู่รัก LGBT
ธนาคารส่วนใหญ่จะให้การถือครองกรรมสิทธิ์ของคู่รัก LGBT ต้องใส่ชื่อผู้กู้ทั้ง 2 คน เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน และเมื่อผ่อนชำระบ้านครบหมดแล้ว กรรมสิทธิ์จะตกเป็นชื่อผู้กู้ร่วมซื้อบ้านทั้งคู่ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะผ่อนชำระไม่เท่ากันก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วหากต้องการเป็นกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว จะต้องมีการโอนบ้านหรือทรัพย์สินไปให้อีกคน ซึ่งต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนตามนโยบายของแต่ละธนาคารด้วย
หากกลุ่มคู่รัก LGBT เลิกรากัน ต้องจัดการอย่างไร?
กรณีที่กลุ่มคู่รักเลิกรากัน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการผ่อนชำระต่อ ธนาคารมีวิธีจัดการดังนี้
1. กรณีคู่รักที่แยกทางกัน แต่ยังผ่อนไม่หมดและมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการผ่อนต่อ
หากคู่รัก LGBT เลิกรากัน จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบผ่อนต่อโดยไม่มีข้อยกเว้น โดยธนาคารจะประเมินความสามารถของผู้กู้ร่วมซื้อบ้านที่เหลือว่าจะผ่อนชำระไหวหรือไม่ และหากกลุ่มคู่รัก LGBT ตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์แล้วจบกันได้ด้วยดี ธนาคารจะให้ผู้กู้ร่วมอีกฝ่ายเซ็นยินยอม ส่วนบ้านจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของอีกฝ่ายแต่เพียงผู้เดียว ก็สามารถผ่อนชำระต่อจากยอดเดิมได้เลย
แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่ผู้กู้อีกฝ่ายไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อคนเดียวได้ สามารถเปลี่ยนชื่อผู้กู้ร่วมซื้อบ้านให้เป็นญาติหรือคนในครอบครัวแทน โดยทำการ รีไฟแนนซ์ แต่ก็ต้องเป็นผู้กู้ร่วมซื้อบ้านใหม่ที่ธนาคารพิจารณาแล้วว่ามีความสามารถในการผ่อนแทนคนรักเดิม หากพิจารณาแล้วไม่ผ่านก็ไม่สามารถถอนชื่อผู้กู้ร่วมได้ บ้านก็ยังถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของทั้งคู่อยู่นั่นเอง
การ รีไฟแนนซ์ จะมีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วย จึงต้องสอบถามและคำนวณค่าใช้จ่ายให้เพียงพอเสียก่อน
2. กรณีที่แยกทางกันแต่ไม่ได้ทำการรีไฟแนนซ์ และมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องการรักษาทรัพย์สินไว้โดยผ่อนชำระต่อคนเดียวจนหมด
หากเกิดกรณีนี้ ถึงแม้ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผ่อนชำระหมดแล้ว บ้านหรือทรัพย์ก็ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของทั้ง 2 คน แต่หากเจรจาตกลงกันได้ สามารถทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ให้กับอีกฝ่ายที่รับผิดชอบชำระหนี้มาโดยตลอดได้ แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบคือ ตกลงไม่ได้ ดังนั้น ผู้ที่ผ่อนมาตั้งแต่แรกผู้เดียว ต้องฟ้องร้องถอนชื่อเจ้าของร่วมออก หลักฐานที่ใช้ยืนยัน เช่น เอกสารการหักหนี้ผ่านบัญชีธนาคารทุกเดือน, สลิป-ใบเสร็จในการจ่ายหนี้ โดยใช้สิทธิทางศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (มาตรา 55) เพื่อขอถอนชื่อออกจากโฉนดได้
3. กรณีต้องการขายทรัพย์สินที่ครอบครองร่วมกัน ต้องได้รับความยินยอมจากทุกฝ่าย
หากกลุ่มคู่รัก LGBT กู้ร่วมซื้อบ้านแล้วเกิดการแยกทางกัน แต่ยังผ่อนชำระค่าหนี้กับธนาคารไม่หมด และไม่มีผู้ใดต้องการผ่อนต่อ หรือไม่มีความสามารถในการผ่อนทรัพย์สินต่อเพียงผู้เดียว วิธีการขายทรัพย์สินนั้นทิ้งก็ถือว่าเป็นทางออกครับ เพราะผู้กู้ร่วมซื้อบ้านทั้งหมดจะได้ไม่มีภาระผูกพันกันทางหนี้สินอีกต่อไป
แต่การขายต้องได้รับความยินยอมจากทั้ง 2 ฝ่าย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการขาย แต่อีกฝ่ายไม่ยินยอม ก็ไม่สามารถขายได้เช่นกันครับ
ข้อควรระวังของการกู้ร่วมซื้อบ้าน
- การกู้ร่วมนั้นต้องร่วมกันจ่ายภาระหนี้ หากคนใดคนหนึ่งไม่จ่าย อีกคนต้องเป็นคนจ่ายแทน
- ภายหลังหากต้องการถอนชื่อผู้ร่วมกู้ มักทำได้ยาก เพราะธนาคารจะพิจารณาว่าผู้กู้คนเดียวจะสามารถผ่อนชำระเพียงผู้เดียวได้หรือไม่
- หากกู้ร่วมซื้อบ้านแล้ว ถือว่ามีกรรมสิทธิ์ในตัวบ้านเช่นเดียวกัน หากมีปัญหาเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ จะต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย
- หากจะนำดอกเบี้ยบ้านไปลดหย่อนภาษี ต้องถูกหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน เช่น ดอกเบี้ยจากการผ่อนสามารถลดหย่อนได้ 100,000 บาท หากมีผู้กู้ร่วม 2 คน จะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดคนละ 50,000 บาท
- หากต้องการขายบ้าน ต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย ควรศึกษาพฤติกรรมของผู้กู้ร่วมให้แน่ใจก่อนยื่นเอกสารกู้ร่วมซื้อบ้านครับ
ข้อมูลประกอบจาก
ghbank.co.th, thinkofliving.com และ sansiri.com
อ่านเพิ่มเติม