“BTS” ชี้ลงทุนช่วงโควิดเหมาะสุด มั่นใจชิง “สายสีส้ม” เร่งสายสีเขียวเปิดถึงคูคต ธ.ค. นี้

นายสุรพงศ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) กล่าวในงานสัมมนา “ลงทุน 2020 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างชาติ สร้างงาน” จัดโดยเครือมติชนว่า ในช่วงโควิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเหมาะสมที่สุด เพราะใช้เวลาก่อสร้างนาน ซึ่งคาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้ว การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดก็จะซาลงไป และทำให้เรามีความพร้อมมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ในส่วนของบีทีเอส ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเร่งการลงทุนตลอด โดยมีโครงการในมือ ประกอบด้วย รถไฟฟ้า 4 เส้นทาง เริ่มที่ รถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งให้บริการมา 20 ปี และส่วนต่อก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ส่วนขยายทั้งด้านใต้และด้านเหนือทยอยเสร็ตทั้งหมดแล้ว โดยช่วงสายใต้ ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ เปิดให้บริการเต็มรูปแบบมาประมาณ 1 ปีแล้ว ส่วนสายเหนือช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ปัจจุบันเปิดไปถึงสถานีวัดพระศรีฯ คาดว่าในเดือนธันวาคมนี้ จะเปิดถึงสถานีคูคต
ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรี และสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว – สำโรง มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้ว 50% โดยทั้งสองสายถือเป็นโมโรเรลสายแรกของไทย ซึ่งบีทีเอสพยายามเร่งรัดการดำเนินการอยู่ โดยคาดว่าช่วงปลายปี 2564 จะเปิดให้บริการได้ แต่ช่วงสายสีชมพูอาจจะเปิดได้เป็นช่วง ๆ ไปก่อน เพราะติดปัญหาส่งมอบพื้นที่ล่าช้า
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทองช่วงกรุงธนบุรี – คลองสาน เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กแบบเดียวกับที่ใช้ในสนามบิน มีระยะทาง 1.8 กม. แนวเส้นทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS กรุงธนบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญนคร ผ่านไอคอนสยาม ไปสิ้นสุดที่โรงพยาบาลตากสิน ความคืบหน้าของโครงการงานโยธาขณะนี้ก้าวหน้าแล้ว 96% ส่วนงานระบบมีความคืบหน้า 84% โดยเมื่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิดปัญหาการนำผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาในไซส์งงาน กำลังเร่งแก้ไขอยู่ คาดว่าเดือนตุลาคมนี้จะเปิดให้บริการ
ส่วนโครงการที่สนใจลงทุนในอนาคต เป็นโครงการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นส่วนใหญ่ เริ่มที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 142,789 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้เข้าซื้อซองประมูลกับ รฟม. แล้ว และพร้อมจะยื่นซองประมูลในวันที่ 23 ก.ย.นี้ แน่อน และยังมีอีกหลายโครงการที่รัฐบาลต้องการให้เอกชนเข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งเราต้องการเข้ามาช่วยภาครัฐ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกที่สุดและได้ของที่ดีที่สุด
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

นายสุรพงศ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) กล่าวในงานสัมมนา “ลงทุน 2020 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างชาติ สร้างงาน” จัดโดยเครือมติชนว่า ในช่วงโควิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเหมาะสมที่สุด เพราะใช้เวลาก่อสร้างนาน ซึ่งคาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้ว การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดก็จะซาลงไป และทำให้เรามีความพร้อมมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ในส่วนของบีทีเอส ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเร่งการลงทุนตลอด โดยมีโครงการในมือ ประกอบด้วย รถไฟฟ้า 4 เส้นทาง เริ่มที่ รถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งให้บริการมา 20 ปี และส่วนต่อก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ส่วนขยายทั้งด้านใต้และด้านเหนือทยอยเสร็ตทั้งหมดแล้ว โดยช่วงสายใต้ ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ เปิดให้บริการเต็มรูปแบบมาประมาณ 1 ปีแล้ว ส่วนสายเหนือช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ปัจจุบันเปิดไปถึงสถานีวัดพระศรีฯ คาดว่าในเดือนธันวาคมนี้ จะเปิดถึงสถานีคูคต
ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรี และสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว – สำโรง มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้ว 50% โดยทั้งสองสายถือเป็นโมโรเรลสายแรกของไทย ซึ่งบีทีเอสพยายามเร่งรัดการดำเนินการอยู่ โดยคาดว่าช่วงปลายปี 2564 จะเปิดให้บริการได้ แต่ช่วงสายสีชมพูอาจจะเปิดได้เป็นช่วง ๆ ไปก่อน เพราะติดปัญหาส่งมอบพื้นที่ล่าช้า
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทองช่วงกรุงธนบุรี – คลองสาน เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กแบบเดียวกับที่ใช้ในสนามบิน มีระยะทาง 1.8 กม. แนวเส้นทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS กรุงธนบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญนคร ผ่านไอคอนสยาม ไปสิ้นสุดที่โรงพยาบาลตากสิน ความคืบหน้าของโครงการงานโยธาขณะนี้ก้าวหน้าแล้ว 96% ส่วนงานระบบมีความคืบหน้า 84% โดยเมื่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิดปัญหาการนำผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาในไซส์งงาน กำลังเร่งแก้ไขอยู่ คาดว่าเดือนตุลาคมนี้จะเปิดให้บริการ
ส่วนโครงการที่สนใจลงทุนในอนาคต เป็นโครงการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นส่วนใหญ่ เริ่มที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 142,789 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้เข้าซื้อซองประมูลกับ รฟม. แล้ว และพร้อมจะยื่นซองประมูลในวันที่ 23 ก.ย.นี้ แน่อน และยังมีอีกหลายโครงการที่รัฐบาลต้องการให้เอกชนเข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งเราต้องการเข้ามาช่วยภาครัฐ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกที่สุดและได้ของที่ดีที่สุด
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ