.jpg)
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ช่วยลดการเสียภาษีซ้ำซ้อน เป็นปัจจุบัน ลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ที่เป็นช่องว่างให้เกิดทุจริตคอรัปชั่นได้
นายชุมพล สุวรรษกิจบริหาร ผู้เชี่ยวชาญนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง บรรยายพิเศษหัวข้อ “พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและกฎหมายลูกที่ทุกคนต้องรู้” โดยยืนยันว่าไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะมีผลบังคับใช้กับทุกภาคส่วน ถือเป็นภาษีทรัพย์สินประเภทหนึ่ง ที่สากลนิยมใช้จัดเก็บกัน
เดิมแม้จะมีการจับเก็บภาษีเข้าท้องถิ่น ผ่านภาษีโรงเรือนและที่ดิน แต่เป็นกฎหมายเก่าที่มีการใช้มายาวนาน ไม่ได้ปรับปรุง ตั้งแต่ปี 2475 โดยจัดเก็บบนฐานค่าเช่ารายปี ไม่ใช่มูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริง และสำหรับประชาชนที่มีการเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคลอยู่แล้ว กลายเป็นการเสียภาษีซ้ำซ้อน
ขณะเดียวกัน พบการเสียค่าเช่ารายปีในอัตราร้อยละ 12.5 ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับภาษีประเภทอื่น ๆ และมีการให้เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นใช้ดุลยพินิจแทบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดเก็บ การกำหนดราคา และการประเมิน ซึ่งอาจเป็นช่องทางในการทุจริตคอรัปชั่น ทำให้จัดเก็บภาษีได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย พบมีการยกเว้น และลดหย่อนจำนวนมาก อีกทั้งราคาประเมินที่ใช้เป็นฐานในการจัดเก็บ แทบไม่เคยมีการปรับปรุงตั้งแต่ปี 2524 ซึ่งไม่สะท้อนความเป็นจริงของปัจจุบัน
การจัดเก็บแบบเดิม รัฐมีรายได้เพียงปีละ 900 ล้านบาท จากที่ดินหลายล้านไร่ ถือเป็นจำนวนที่น้อยมาก ซึ่งภาษีใหม่ถือเป็นการปฎิรูปภาษีทรัพยฺสิน ให้จัดเก็บตามมูลค่าของทรัพย์สินและการทำประโยชน์เป็นหัวใจหลัก และทำให้การปฎิบัติง่ายขึ้น ที่สำคัญลดการใช้ดุลยพินิจให้น้อยที่สุด
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ กำหนดให้คำนวณฐานภาษี จากราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงห้องชุด โดยกรมธนารักษ์เป็นผู้ประกาศราคา เพื่อปิดช่องว่างการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐอีกเช่นกัน ผ่านหน่วยงานกลางเป็นผู้กำหนดราคา
ฐานเศรษฐกิจ
ติดตามอัพเดทข่าวสารในวงการอสังหาฯ ทั้งหมดได้ที่
https://www.bkkcitismart.com/ข่าว
#news #BC #BangkokCitiSmart
นายชุมพล สุวรรษกิจบริหาร ผู้เชี่ยวชาญนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง บรรยายพิเศษหัวข้อ “พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและกฎหมายลูกที่ทุกคนต้องรู้” โดยยืนยันว่าไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะมีผลบังคับใช้กับทุกภาคส่วน ถือเป็นภาษีทรัพย์สินประเภทหนึ่ง ที่สากลนิยมใช้จัดเก็บกัน
เดิมแม้จะมีการจับเก็บภาษีเข้าท้องถิ่น ผ่านภาษีโรงเรือนและที่ดิน แต่เป็นกฎหมายเก่าที่มีการใช้มายาวนาน ไม่ได้ปรับปรุง ตั้งแต่ปี 2475 โดยจัดเก็บบนฐานค่าเช่ารายปี ไม่ใช่มูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริง และสำหรับประชาชนที่มีการเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคลอยู่แล้ว กลายเป็นการเสียภาษีซ้ำซ้อน
ขณะเดียวกัน พบการเสียค่าเช่ารายปีในอัตราร้อยละ 12.5 ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับภาษีประเภทอื่น ๆ และมีการให้เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นใช้ดุลยพินิจแทบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดเก็บ การกำหนดราคา และการประเมิน ซึ่งอาจเป็นช่องทางในการทุจริตคอรัปชั่น ทำให้จัดเก็บภาษีได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย พบมีการยกเว้น และลดหย่อนจำนวนมาก อีกทั้งราคาประเมินที่ใช้เป็นฐานในการจัดเก็บ แทบไม่เคยมีการปรับปรุงตั้งแต่ปี 2524 ซึ่งไม่สะท้อนความเป็นจริงของปัจจุบัน
การจัดเก็บแบบเดิม รัฐมีรายได้เพียงปีละ 900 ล้านบาท จากที่ดินหลายล้านไร่ ถือเป็นจำนวนที่น้อยมาก ซึ่งภาษีใหม่ถือเป็นการปฎิรูปภาษีทรัพยฺสิน ให้จัดเก็บตามมูลค่าของทรัพย์สินและการทำประโยชน์เป็นหัวใจหลัก และทำให้การปฎิบัติง่ายขึ้น ที่สำคัญลดการใช้ดุลยพินิจให้น้อยที่สุด
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ กำหนดให้คำนวณฐานภาษี จากราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงห้องชุด โดยกรมธนารักษ์เป็นผู้ประกาศราคา เพื่อปิดช่องว่างการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐอีกเช่นกัน ผ่านหน่วยงานกลางเป็นผู้กำหนดราคา
ฐานเศรษฐกิจ
ติดตามอัพเดทข่าวสารในวงการอสังหาฯ ทั้งหมดได้ที่
https://www.bkkcitismart.com/ข่าว
#news #BC #BangkokCitiSmart
