คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการทำงานของเว็บไซต์ ซึ่งรวมถึงคุกกี้ที่ทำให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานในเว็บไซต์ของเราได้อย่างปลอดภัย
บทความ
ในช่วงนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูของมรสุม หลายพื้นที่ต้องประสบภัยน้ำท่วมที่ไม่อาจคาดเดาเมื่อน้ำมาถึงได้ ฉะนั้น ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าเมื่อน้ำท่วมบ้าน เพื่อป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สินที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด
9 วิธีรับมือน้ำท่วม
- เมมเบอร์ฉุกเฉิน เช่น ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) สายด่วนรับแจ้ง-เตือนภัยน้ำท่วม โทร. 1111 กด 5 หรือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สายด่วนแจ้งเตือนสาธารณภัย โทร. 1784 และให้ติดตามข่าวสถานการณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สามารถเช็กสถานการณ์น้ำด้วยตัวเองได้ที่แอปพลิเคชัน Thaiwater หรือเว็บไซต์ http://www.thaiwater.net/water/wl
- พื้นที่เสี่ยงสูง ควรเตรียมกระสอบทรายไว้ เพื่อทำผนังป้องกันน้ำไหลเข้าบ้าน
- นำเอกสารสำคัญใส่ไว้ในถุงซิปล็อก เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สูติบัตร ใบโฉนดที่ดิน เป็นต้น
- แขวนปลอกคอสัตว์เลี้ยงพร้อมชื่อและเบอร์โทรเราไว้ เผื่อน้องหลุดหายจะได้ประกาศหาได้ง่าย
- ชาร์จแบตโทรศัพท์ และเตรียมอุปกรณ์เสริมให้พร้อม เช่น พาวเวอร์แบงค์ สายชาร์จ ไฟฉาย
- ยกของขึ้นที่สูง เตรียมอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษา และอุปกรณ์ใช้พยุงตัว
- ถอดปลั๊กไฟในบ้าน แล้วแปะเทปกาวปิดปลั๊กไฟป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว
- นำรถยนต์ไปจอดในพื้นที่สูงหรือที่ปลอดภัย หรือใช้ถุงคลุมรถกันน้ำ ในกรณีที่น้ำท่วมไม่สูงมาก
- จัดการย้ายผู้ป่วย เด็ก คนชรา ไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือพื้นที่ของหน่วยงานที่รองรับ
ประเภทของประกันภัย
ประกันภัย จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ประกันภัยบุคคล ประกันภัยทรัพย์สิน และประกันภัยความรับผิดตามกฎหมาย ซึ่งประกันที่เกี่ยวกับ “น้ำท่วม” จะอยู่ในหมวด “การประกันภัยทรัพย์สิน” ในเรื่องของ “การประกันอัคคีภัย” นั่นเอง
หากเรากู้เงินซื้อบ้านกับธนาคาร กฎหมายจะบังคับให้เราทำประกันอัคคีภัยเพื่อคุ้มครองความรับผิดชอบจากเหตุไม่คาดฝันในอนาคต และต้องทำจนครบจบอายุสัญญาสินเชื่อด้วย ซึ่งพื้นฐานของประกันอัคคีภัย จะครอบคลุมตั้งแต่ภัยจากไฟไหม้ ภัยจากฟ้าผ่า ภัยจากระเบิด ภัยจากยานพาหนะ ภัยจากอากาศยาน และภัยเนื่องจากน้ำ
ประกันภัยธรรมชาติ
นอกจากนี้ "ประกันอัคคีภัย" ยังครอบคลุมไปถึง "ภัยธรรมชาติ" ที่ขยายความคุ้มครองโดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มด้วย อาทิ ภัยจากลมพายุ ภัยจากน้ำท่วม ภัยจากแผ่นดินไหว และภัยจากลูกเห็บ ซึ่งประกันภัยธรรมชาตินี้ จะมีการจำกัดวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท/ปีเท่านั้น ถ้าหากอยากได้วงเงินเพิ่ม ก็ต้องจ่ายเบี้ยประกันที่มากขึ้นตามแพคเกจบริษัทประกันนั้น ๆ กำหนด สามารถดูเงื่อนไข/องค์ประกอบอื่น ๆ ในการพิจารณารับประกันได้ที่บทความนี้ ประกันอัคคีภัยบ้าน และคอนโด ทำไมต้องซื้อ?
คุ้มครองตามสถานที่ตั้งของทรัพย์สิน
กรณีน้ำท่วม : พื้นที่รับน้ำหรือพื้นที่มีความเสี่ยงภัยน้ำท่วมสูง ได้แก่ อ่างทอง ลพบุรี นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ สิงห์บุรี และบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร จะพิจารณาความคุ้มครองเป็นกรณีไป โดยเฉพาะพื้นที่จุดไหนมีความเสี่ยงน้ำท่วมสูง เบี้ยประกันอาจสูงตามไปด้วย หรือหากเป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว อาจไม่ได้รับความคุ้มครองเลยก็มี
ตัวอย่างบริษัทประกันภัย ที่ขยายความคุ้มครองเรื่อง "น้ำท่วม"
ชื่อบริษัทประกัน | วงเงินขยายความคุ้มครองเพิ่มเติม เฉพาะในหมวด "น้ำท่วม" |
ทิพยประกันภัย | 30% ของทุนประกันภัย (คุ้มครองหลังวันเริ่ม 7 วัน) |
ไทยประกันภัย | 100,000 - 1,000,000 |
MSIG ประกันภัย | 10% ของทุนประกันภัย และไม่เกิน 200,000 |
AXA ประกันภัย | 200,000 |
เมืองไทยประกันภัย | 200,000 |
TQM | 100,000 - 200,000 |
ANC | 100,000 - 200,000 |
Allianz Ayudhya | 5% ของทุนประกันภัย |
ข้อควรระวังในการทำประกันภัย
หากทำประกันภัยทรัพย์สิน ประกันอัคคีภัย หรือประกันภัยน้ำท่วมแล้ว จะไม่สามารถทำมากกว่า 1 บริษัทได้ เพราะบริษัทประกันจะถือว่าเราทุจริตเพื่อรับเงินชดเชยจากหลาย ๆ แห่ง ซึ่งบริษัทประกันจะทำการตรวจสอบตั้งแต่แรกเริ่มที่จะทำประกันนั่นเอง
ที่มา Thinkofliving, Sale Here
อ่านเพิ่มเติม