เตรียมตัวอย่างไร ก่อนสมรสเท่าเทียม 23 มกราคม 2568 : คู่รักเพศเดียวกันควรรู้!
ในวันที่ 23 มกราคม 2568 นี้ ประเทศไทยจะเปิดให้การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมสำหรับคู่รักเพศเดียวกันเป็นทางการ ถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์สังคมไทยที่สะท้อนถึงการยอมรับและส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนวันสำคัญนั้นเป็นสิ่งที่จะช่วยให้การจดทะเบียนสมรสเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย คู่รักเพศเดียวกันที่ต้องการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมควรทราบข้อมูลและเตรียมตัวอะไรบ้าง?
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสมรสเท่าเทียม (Marriage Equality)
คือ การยอมรับสิทธิในการจดทะเบียนสมรสระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติด้านเพศ ซึ่งจะช่วยให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถมีสิทธิในด้านต่างๆ เช่น การมรดก, สิทธิการรับการรักษาพยาบาล, การตัดสินใจแทนกันในกรณีฉุกเฉิน, รวมถึงสิทธิในการเป็นผู้ปกครองบุตรและอื่นๆ โดยไม่มีข้อจำกัดเหมือนกับคู่รักชาย-หญิง
สิทธิประโยชน์จากสมรสเท่าเทียม
การหมั้น จะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว (มาตรา 1435)
การสมรส จะกระทำได้เมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ในกรณีมีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนนั้นได้ (มาตรา 1448)
การจดทะเบียนสมรส จะทำได้ต่อเมื่อบุคคลสองคนยินยอมเป็นคู่สมรสกันและต้องแสดงการยินยอมนั้นให้ปรากฏโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียนและให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้นไว้ด้วย (มาตรา 1458)
การหย่า เมื่อได้จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายนี้ การหย่าโดยความยินยอมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อคู่สมรสได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว (มาตรา 1515)
การจัดการทรัพย์สินระหว่างคู่สมรสที่ทำมาหาได้ร่วมกันหรือดูแลผลประโยชน์จากทรัพย์สิน และการจัดการหนี้สินร่วมกัน
สิทธิได้รับประโยชน์และสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรส
การให้ความยินยอมต่อการรักษาพยาบาล
การเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ ในกรณีที่ศาลสั่งให้คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (มาตรา 1463)
การอุปการะเลี้ยงดูคู่สมรส ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างคู่สมรส หรือระหว่างบิดามารดากับบุตรนั้นย่อมเรียกจากกันได้ในเมื่อฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะเลี้ยงดู ไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือได้รับการอุปการะเลี้ยงดูไม่เพียงพอแก่อัตภาพ (มาตรา 1598/38)
การรับบุตรบุญธรรมร่วมกันในฐานะคู่สมรส ใช้สิทธิตามกฎหมายแพ่งฯ ในมาตราว่าด้วยการรับบุตรบุญธรรม
คุณสมบัติ
1. บุคคลทั้งสองจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ กรณีผู้เยาว์ต้องนำบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วย
กรณีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจากศาล
2. ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือไร้ความสามารถ
3. ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดามารดา
4. ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น
5. ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้
6. หญิงที่ชายผู้เป็นคู่สมรสตาย หรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อสิ้นสุดการสมรสไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่
คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น
ศาลมีคำสั่งให้สมรสได้
สมรสกับคู่สมรสเดิม
บุคคลที่มีอายุไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ ศาลอาจอนุญาตให้สมรสได้
มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม
การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมไม่ต่างจากการจดทะเบียนสมรสทั่วไป แต่มีเอกสารบางอย่างที่คู่รักต้องเตรียมเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งเอกสารหลักๆ ที่จำเป็นประกอบด้วย:
บัตรประจำตัวประชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้
สำเนาหนังสือเดินทางกรณีชาวต่างประเทศ
หนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูตหรือสถานกงสุลหรือองค์การของรัฐบาลประเทศนั้น มอบหมาย พร้อมแปล (กรณีชาวต่างประเทศขอจดทะเบียนสมรส)
สำเนาทะเบียนบ้าน
สถานที่จดทะเบียนสมรส : สำนักทะเบียนอำเภอ , สำนักทะเบียนเขต , และสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ
ค่าธรรมเนียม : การจดทะเบียนสมรส ณ สำนักทะเบียนที่จด ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม การจดทะเบียนสมรสนอกสำนักทะเบียน ต้องเสียค่าธรรมเนียม 200 บาท
การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมไม่ใช่แค่การลงชื่อในเอกสาร แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการยอมรับและการได้รับสิทธิที่เท่าเทียมในฐานะมนุษย์ ดังนั้น คู่รักควรเตรียมตัวทางจิตใจและอารมณ์ให้พร้อมกับการเข้าสู่สถานะสมรสอย่างเต็มตัว การเข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของคู่สมรสที่มาพร้อมกับการสมรสเท่าเทียมจะทำให้ทั้งคู่มีความมั่นคงในความสัมพันธ์และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ดี
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนหรือเอกสารที่จำเป็นในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนและถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย
ข้อมูลอ้างอิง
www.thaipbs.or.th : ดีเดย์ 23 ม.ค.68 จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม เช็กใช้เอกสารอะไรบ้าง
www.lovefoundation.or.th : เตรียมตัวอย่างไรก่อน จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม 22 ม.ค. 2568