บทความ

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564

ประกันอัคคีภัยบ้าน และคอนโด ทำไมต้องซื้อ?

ประกันอัคคีภัยบ้าน และคอนโด.jpg

“โจรขึ้นบ้าน 10 ครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว”
ประโยคนี้คงสะกิดคนมีบ้านหลายคนไม่น้อย เพราะการที่เกิดไฟไหม้นั้น สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้น การทำประกันอัคคีภัยเอาไว้ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยบรรเทาและฟื้นฟูความเสียหายแก่เจ้าของบ้าน หากเกิดเหตุเพลิงไหม้แม้แต่สะเก็ดไฟ บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบให้ ช่วยให้ลดภาระค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลยทีเดียวครับ ดังนั้น บทความนี้ BC จะพาไปดูว่าประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยนั้นครอบคลุมกรณีใดบ้าง รวมถึงการคำนวณเบี้ยประกันที่เหมาะสม โดยที่เจ้าของบ้านสามารถเลือกความคุ้มครองตามกำลังทรัพย์ได้เอง

ทำไมต้องซื้อประกันอัคคีภัยบ้าน และคอนโด?

ถ้าคุณซื้อบ้านด้วยเงินสด คุณจะซื้อหรือไม่ซื้อประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยก็ได้ แต่ถ้าคุณกู้สินเชื่อกับธนาคาร กฎหมายบังคับให้ซื้อประกันอัคคีภัยบ้านและคอนโดจนกว่าจะผ่อนบ้านหมดตามสัญญา ทั้งนี้ ก็เพื่อรองรับความเสี่ยงแก่บรรดาสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้สินเชื่อบ้านให้กับเราครับ ส่วนจะเลือกทำประกันกับบริษัทใดก็แล้วแต่เราเลยครับ จะเลือกกรมธรรม์ของธนาคาร หรือบริษัทพันทมิตรกับธนาคาร หรือบริษัทประกันอื่นก็ได้เหมือนกันครับ

ประกันอัคคีภัยบ้าน และคอนโด จำเป็นต้องซื้อไหม.jpg

สำหรับแผนระยะเวลาประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย แล้วแต่เราจะเลือกแผนกรรมธรรม์เลยครับ โดยส่วนใหญ่จะมีทั้งคราวละ 2-3 ปี หรือบางแผนก็ครอบคลุม 5 ปีขึ้นไปก็มี แต่ต้องต่อประกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะผ่อนบ้านหมด หลังจากนั้นจะทำประกันต่อหรือไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเลยครับ แต่แนะนำว่าควรทำไว้ดีกว่ามาเสียใจทีหลังครับ เพราะประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยนั้นครอบคลุมได้สูงสุด 100% และยังคุ้มครองความเสียหายจากเหตุภัยพิบัติอื่น ๆ ด้วยครับ

มนุษย์คอนโดต้องทำประกันอัคคีภัยหรือไม่?

ด้านมนุษย์คอนโดนั้น ตามปกติแล้ว Developer หรือ นิติบุคคล จะเป็นผู้ดูแลและทำประกันอัคคีภัยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางคอนโด ส่วนของห้องพักจะเรียกว่าเป็น กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคล ดังนั้น เราต้องเป็นผู้ทำประกันอัคคีภัยในส่วนนี้เอง ก็จะหมายรวมถึงพื้นที่ในห้องพักเท่านั้นครับ ทั้งนี้ เว้นแต่ว่าเกิดเพลิงไหม้จนอาคารได้รับความเสียหาย ผู้อยู่อาศัยถึงจะได้รับค่าชดเชยความเสียหายของห้องพัก แต่ไม่รวมทรัพย์สินภายในห้อง เช่น เฟอร์นิเจอร์ โน๊ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ ทองคำ หรือเงินสด เป็นต้น 

ประกันอัคคีภัยบ้าน และคอนโด สำหรับมนุษย์คอนโด.jpg

ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย คุ้มครองอะไรบ้าง?


กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากเหตุดังต่อไปนี้

1. ไฟไหม้ รวมถึงไฟไหม้ป่า พุ่มไม้ พงรก และการเผาป่าเพื่อปราบพื้นที่
2. ฟ้าผ่า รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อเครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกิดจากการลัดวงจรเนื่องจากฟ้าผ่า
3. การระเบิดทุกชนิด
4. ภัยจากยานพาหนะ หรือช้าง ม้า วัว ควาย
  • จากการชนโดยยานพาหนะต่าง ๆ (รวมถึงช้าง ม้า วัว ควาย)
  • แต่ต้องไม่ใช่ยานพาหนะของผู้เอาประกันภัย
5. ภัยจากอากาศยานหรือวัตถุที่ตกจากอากาศยาน
  • จากการชน หรือตกใส่
  • ตัวอากาศยาน หรือ ของที่ตกจากอากาศยาน
  • อากาศยาน ให้หมายรวมถึง จรวด และยานอวกาศด้วย
6. ภัยเนื่องจากน้ำ
  • เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ จากการปล่อย รั่วไหล ล้น จากท่อน้ำ ถังน้ำฯ รวมถึงน้ำฝนที่ผ่านเข้าทางอากาศที่ชำรุด
  • แต่ไม่รวมถึง น้ำท่วม และท่อประปาที่แตกนอกอาคาร
ประกันอัคคีภัยบ้าน และคอนโด คุ้มครองอะไรบ้าง.jpg

และหากเกิดความกังวลว่า จะไม่ครอบคลุมภัยที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เราสามารถซื้อประกันภัยเพิ่มเติมได้ดังนี้
1. ภัยลมพายุ
2. ภัยจากลูกเห็บ
3. ภัยจากควัน
4. ภัยแผ่นดินไหว
5. ภัยน้ำท่วม
6. ภัยจลาจลและนัดหยุดงาน
7. ภัยเนื่องจากป่าเถื่อนและการกระทำด้วยเจตนาร้าย
8. ภัยระอุที่มีการลุกไหม้ / ระเบิด
9. ภัยต่อเครื่องไฟฟ้า

ประกันอัคคีภัยบ้าน และคอนโด ที่สามารถซื้อเพิ่มเติมได้.jpg

คำนวณเบี้ยประกันอัคคีภัยบ้าน จ่ายเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม

จริง ๆ แล้วการจ่ายเบี้ยประกัน เราสามารถเลือกแผนความคุ้มครองที่เหมาะสมได้ด้วยตัวเอง ยิ่งทำประกันระยะยาว 2-3 ปี หรือ 5 ปีขึ้นไป เมื่อเฉลี่ยค่าใช้จ่ายแล้ว เบี้ยประกันจะยิ่งถูกขึ้นครับ

และเบี้ยประกัน จะสัมพันธ์กับมูลค่าของบ้านเสมอ ยิ่งบ้านราคาสูงเบี้ยประกันก็จะยิ่งสูงตาม ถ้าหากเรามีทรัพย์สินภายในบ้านที่มีมูลค่าแพง แนะนำว่าควรซื้อแพ็กเกจที่คุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้านด้วย เพราะประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยนั้น จะคุ้มครองเฉพาะตัวบ้านและเหตุการณ์ต่าง ๆ ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว ไม่คุ้มครองทรัพย์สินมีค่าอย่าง เฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ภายในบ้านอื่น ๆ ครับ

ส่วนเบี้ยประกันจะถูกหรือแพงนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสัดส่วนความคุ้มครองที่เราเลือก หากคุ้มครองบ้าน 100% เบี้ยอาจจะแพงหน่อย แต่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เจ้าของบ้านแทบจะไม่ต้องปวดหัวรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองเลยครับ แต่ถ้าเลือกแผนที่คุ้มครอง 50 - 60% บริษัทประกันก็จะจ่ายเฉพาะความเสียหายเท่าที่เราเลือกแผนประกันครับ นอกเหนือจากนั้นเจ้าของบ้านต้องรับผิดชอบความเสียหายเองครับ

BC แนะนำให้ซื้อประกันภัยที่ครอบคลุมในสัดส่วน 70% ของมูลค่าบ้านและทรัพย์สิน จะถือว่าครอบคลุมทั้งตัวบ้านและทรัพย์สินครับ หากบ้านเกิดไฟไหม้เสียหายที่ 100% เจ้าของบ้านก็จ่ายเพิ่มในสัดส่วนเพียง 30% ถือว่าไม่มากหรือน้อยจนเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยจะคุ้มครองมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้นครับ

เช่น เกิดไฟไหม้บ้านเสียหายเพียง 50% ประกันก็จะจ่ายตามความเสียหายจริง แม้ว่าเราจะซื้อแผนที่คุ้มครองมากกว่านั้นก็ตามครับ

คำนวณเบี้ยประกันอัคคีภัยบ้าน จ่ายเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม.jpg

และในกรณีที่ผ่อนบ้านไปแล้วหลายปี หรือใกล้หมดชำระหนี้แล้ว ควรจะปรับแผนประกันให้สอดคล้องกับมูลค่าของบ้านและทรัพย์สิน ณ ช่วงเวลานั้นด้วย ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ทรัพย์สินต่าง ๆ ก็ย่อมมีมากขึ้น ควรคำนวณมูลค่าทรัพย์สินและเพิ่มทุนประกันภัยเข้าไปให้ครอบคลุมครับ

วิธีประเมินมูลค่าบ้านและทรัพย์สินด้วยตัวเอง

วิธีที่บริษัทประกันส่วนใหญ่ใช้ประเมินคำนวณหามูลค่าบ้านและทรัพย์สิน สามารถคำนวณตามสูตรดังนี้

หามูลค่าของบ้าน (บาท) = พื้นที่ใช้สอยชั้นล่าง (ตร.ม.) x จำนวนชั้น x ราคาค่าก่อสร้างต่อตารางเมตร (บาท)

ตัวอย่าง บ้านของสมชาย เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอยด้านล่าง 110 ตารางเมตร ราคาค่าก่อสร้างอยู่ที่ตารางเมตรละ 11,000 บาท

มูลค่าบ้านของ สมชาย = 120 x 2 x 12,500 = 3,000,000 บาท ดังนั้นจำนวนทุนประกันเต็มจำนวนเฉพาะตัวบ้านจะอยู่ที่ 3,000,000 บาท (ไม่รวมทรัพย์สิน) > กรณีเลือกแผนครอบคลุมที่อยู่อาศัย 100%

ส่วนการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน จะคิดจากเฟอร์นิเจอร์และระบบสาธารณูปโภคที่ 20% ของมูลค่าบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถนับรวมทรัพย์สินอื่น ๆ ยกเว้นบางรายการที่กล่าวไปด้านบนครับ

หามูลค่าของทรัพย์สิน = (มูลค่าของบ้าน x 20%) + มูลค่าทรัพย์สินอื่น ๆ (บาท)

ยกตัวอย่างเคสเดิม ภายในบ้านของ สมชาย มีเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้น พร้อมระบบสาธารณูปโภคติดตั้งไว้ครบครัน ส่วนข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมมูลค่าอยู่ที่ 600,000 บาท ดังนั้นมูลค่าของทรัพย์สินของ สมชาย = (3,000,000 x 20%) + 600,000 = 1,200,000 บาท

รวมมูลค่าบ้านและทรัพย์สินของ สมชาย จะเท่ากับ 3,000,000 + 1,200,000 = 4,200,000 บาท

และส่วนใหญ่อัตราเบี้ยประกันอัคคีภัยมักอยู่ที่ 0.1% ต่อปีของทุนประกันภัย ดังนั้น การคำนวณเบี้ยประกันอัคคีภัยที่ต้องจ่ายต่อปี จะเท่ากับ 4,200,000 x 0.1% = 4,200 บาทต่อปี อาจมีค่าอาการและค่าธรรมเนียมอื่น  ๆ เล็กน้อยตามลักษณะหรือวัสดุของสิ่งปลูกสร้าง

หมายเหตุ ควรทำประกันอัคคีภัย ไม่ต่ำกว่า 70% ของมูลค่าบ้านและทรัพย์สินครับ

คำนวณเบี้ยประกันอัคคีภัยบ้าน และวิธีประเมินมูลค่าด้วยตัวเอง.jpg

มาถึงตรงนี้คงจะเห็นความสำคัญของการทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยกันแล้วนะครับ ถ้าเทียบกับความเสียหายของไฟไหม้ BC รับรองว่าการทำประกันไว้จะทำให้เราอุ่นใจกว่า โดยเราไม่ต้องรับผิดชอบค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด อย่างไรก็ตามสามารถปรึกษากับบริษัทประกันเพื่อเลือกแผนกรมธรรม์ที่คุ้มค่ามากที่สุดได้เลยนะครับ

ที่มา : thinkofliving, moneybuffalo, คปภ.


บทความที่เกี่ยวข้อง
ซื้อประกันคอนโดเพิ่ม จำเป็นมากแค่ไหนนะ?
ค่าใช้จ่ายวันโอนห้องมีอะไรบ้าง?
อ่านเพิ่มเติม