ผ่อนกับเช่าจะเลือกแบบไหนดี

สำหรับคนทำงานที่ในกรุงเทพ หรือต่างจังหวัด และคนที่กำลังเช่าคอนโดอยู่นั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งมักจะเกิดคำถามว่าเราควรจะเช่าคอนโดต่อไปหรือซื้อคอนโดไปเลยดีกว่า แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ทำให้ตัดสินใจไม่ได้สักที

ครั้งนีทีมงาน Bangkok Citismart มีคำแนะนำดีๆ สำหรับคำถามที่ว่า ”ระหว่างผ่อนกับเช่าคอนโดจะเลือกแบบไหนดี” มาให้อ่านเพื่อพิจารณากันครับ

เหตุผลของคนเลือกเช่า

เริ่มจากการ “เช่าคอนโด” กันเลยดีกว่า เราจะสังเกตได้ว่าคนที่ยังลังเลและเลือกที่จะเช่าอยู่ไปก่อนนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะยังไม่แน่ใจว่าจะลงหลักปักฐานอยู่ตลอดไปหรือไม่ เช่น อาจจะมีการเปลี่ยนงานในอนาคต หรือวางแผนสำหรับครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจจะย้ายจากการอาศัยอยู่ในคอนโดไปเป็นทาวน์เฮาส์ หรือบ้านเดี่ยว ดังนั้นการเช่าอยู่ไปก่อนจึงเป็นตัวเลือกที่สะดวกในการย้ายหรือเปลี่ยนที่อยู่อาศัยได้ง่าย แต่บ่อยครั้งที่ผู้อยู่อาศัย หรือผู้เช่าเองไม่สามารถทำการย้ายออกได้ทันที เพราะติดสัญญาเช่าที่ระบุระยะเวลาของการเช่า ซึ่งการย้ายออกก่อนครบกำหนดสัญญาเช่า จะทำให้ต้องเสียค่าปรับให้ผู้ปล่อยเช่า

อีกหนึ่งเหตุผลของคนที่เลือกเช่าคอนโด คือ การเสียค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า เพราะเสียเฉพาะค่าเช่าเท่านั้น โดยที่เราอาจจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่ม เช่น ค่าส่วนกลาง หรือค่าซ่อมแซมบำรุงห้อง ซึ่งปกติแล้วค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ผู้เช่าจะเป็นคนจ่ายเอง (แต่ก็ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ตกลงกันก่อนที่จะเช่า)

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ยังมีภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนสูงหรือมีรายได้ไม่เพียงพอ การเช่าคอนโดอยู่อาศัยไปก่อนก็เป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว และไม่ต้องมากังวลว่าหากย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว คอนโดจะขายไม่ออก ยังหาคนเช่าไม่ได้ หรือต้องมีเงินเก็บไว้สำรองการผ่อนต่อไปเรื่อยๆ ในกรณีไม่มีคนมาเช่าอยู่อีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าการจ่ายค่าเช่าไปเรื่อยๆ นั้น เป็นการจ่ายแบบเสียเปล่าโดยที่เราไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นเลย เพราะค่าเช่าที่เราจ่ายทุกเดือน เป็นการ “จ่ายทิ้ง” หรือ “จ่ายขาด” จ่ายออกไป เงินก็ไปเลย ไม่กลับมาอีกแล้ว

เหตุผลของคนที่เลือกซื้อคอนโด

ก่อนที่จะเราจะซื้อคอนโดนั้น เบื้องต้นควรคำนึงถึงคุณสมบัติในการกู้ และความสามารถในการผ่อนชำระ เพราะการที่ธนาคารจะอนุมัติวงเงินกู้ให้เราซื้อคอนโดได้นั้น เราต้องมีเงื่อนไขตามที่ธนาคารกำหนด เช่น ต้องมีรายได้ประจำ 15,000 บาทขึ้นไป มีอายุการทำงานไม่น้อยกว่า 2 ปี มีความสามารถในการชำระหนี้เพียงพอตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร เป็นต้น

นอกจากเงื่อนไขของธนาคารแล้ว เราต้องมั่นใจว่าสามารถรับภาระผ่อนชำระเงินก้อนนี้ได้อีกประมาณ 10 หรือ 20 ปี ไม่เช่นนั้นหากในอนาคตไม่สามารถผ่อนชำระได้ คอนโดนั้นก็จะไม่ได้เป็นของเราอีกต่อไป และประวัติการผิดนัดชำระหนี้ของเราจะถูกบันทึกไว้ในเครดิตบูโรอีกด้วย

อีกสิ่งสำคัญที่เราควรจะคำนึงถึงคือ ความแน่นอนในการลงหลักปักฐาน การจะซื้อคอนโดสักแห่งนั้นเหมาะกับผู้มีเงินออมเพียงพอสำหรับจ่ายค่าคอนโด เพราะโดยปกติแล้วธนาคารจะอนุมัติวงเงินกู้ไม่เกิน 80% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมินโดยเลือกราคาที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเงินดาวน์ ค่าจดจำนอง ค่าส่วนกลาง ค่ากองทุน ค่าประกันอัคคีภัย ฯลฯ ดังนั้นสำหรับคนที่ยังมีเงินเก็บไม่เพียงพอ หรือมีแผนสำหรับใช้เงินก้อนในการทำอย่างอื่นอยู่ก่อนแล้ว อาจจะเลือกเช่าอยู่ไปก่อนก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

การเลือกซื้อคอนโดมือสอง เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างการเช่ากับการซื้อคอนโด เพราะราคาจะไม่แพงเท่าคอนโดใหม่ๆ หากเมื่อไรที่ไม่ได้ทำงานแถวนั้นหรือไม่ได้อาศัยอยู่แถวนั้นแล้วก็จะไม่เสียดายมากกับเงินที่ลงทุนไป แต่อย่างไรก็ตามการเลือกทำเลที่ดีก็มีส่วนช่วยในการทำให้คอนโดนั้นปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ง่ายขึ้น หลายคนที่มีแผนในการทำงานระยะสั้นประมาณ 3-5 ปี เมื่อต้องการย้ายที่อยู่ก็จะไม่เสียดายมากเท่ากับลงทุนซื้อคอนโดมือหนึ่งที่ราคาค่อนข้างสูง

คอนโดมือสอง อีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

นอกจากการเลือกซื้อคอนโดมืองสองแล้ว ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆ อีก อย่างเช่น การซื้อตามโปรโมชั่นที่โครงการจัดขึ้น เช่น “ซื้อคอนโดในราคา Resale” หรือ “ผ่อนถูกกว่าเช่า” เป็นต้น ซึ่งก็จะทำให้เราได้คอนโด ใหม่ ในราคาที่ถูกลงได้เช่นกัน แต่ผู้ซื้อจะต้องศึกษารายละเอียดของโปรโมชั่นให้เข้าใจด้วยเช่นกัน

สุดท้ายนี้การเลือกที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นวิธีกู้ซื้อแล้วผ่อนกับธนาคารหรือการเช่า จะเลือกแบบไหนก็ควรคำนึงถึงความพร้อมและความเหมาะสมของตัวเราให้มากที่สุด เพราะจะทำให้เกิดประโยชน์และสร้างความคุ้มค่ากับการลงทุนของเราได้ในระยะยาว

ทางทีมงาน Bangkok Citismart หวังว่าเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ นี้จะเป็นประโชน์กับเพื่อนๆ ในการออมเงินเพื่อซื้อบ้านนะครับ