บทความ

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560

วิเคราะห์ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2560


BC วิเคราะห์ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2560


เหตุทางการเมืองส่งผลให้ธุรกิจอสังหาฯ ชะลอตัว


ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัวลงจากเหตุการทางการเมือง อีกทั้งยังได้ผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากตลาดโลก และอัตราค่าจ้างแรงงานรวมถึงค่าวัสดุอุปกรณ์ที่สูงขึ้น จะเห็นได้จากจำนวนหน่วยขายที่อยู่อาศัยที่มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ในด้านของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวโดยเน้นการกระจายพัฒนาโครงการไปในทุกระดับราคา และขยายพื้นที่ให้กว้างมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เมื่อประกอบกับการได้รับการสนับสนุนจากมาตรการของภาครัฐ จึงทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ถึงแม้จะชะลอตัวลงแต่ก็ไม่ได้มากนัก และมีทิศทางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากสัดส่วนของการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์แบ่งตามประเภทที่เปิดตัวในปี 2559 ที่ไม่ต่างกันมากนัก และคอนโดมิเนียมยังคงเป็นที่นิยมในทุกระดับราคา



ไตรมาสที่ 1 ปี'60 สัญญาณเริ่มดี


ตอนนี้ได้เข้าสู่ช่วงกลางของไตรมาส 1 ของปี 2560 เริ่มเห็นสัญญาณดีของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตามที่หลายๆฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจจะมีความคล่องตัวมากขึ้นกว่าในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมาซึ่งมีการชะลอตัวลงจากเหตุการณ์สำคัญเมื่อช่วงปลายปี สำหรับในปี 2560 นี้ เริ่มมีความคึกคักของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่ๆมีการออกแคมเปญกระตุ้นยอดซื้อ อาทิ ส่วนลดค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง, การให้โปรโมชั่นส่วนลดและของแถม เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในช่วงต้นปี





ปี'60 มีปัจจัยบวกมากมาย


ซึ่งในปี 2560 นี้ นับเป็นที่น่าตามองสำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่ามีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้น อันมาจากปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีให้กับตลาด อาทิ การลงทุนของภาครัฐที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงขึ้น เช่น โครงการประชารัฐสร้างไทย ที่ส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแบบบูรณาการ, การมี AEC ที่มำให้ชาวต่างชาติยังคงเข้ามาลงทุน และซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย, ในภาคของการส่งออกและบริการมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการบริโภคภาคเอกชนมีการปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งก็มาจากรายจ่ายของการผ่อนชำระมาตรการรถยนต์คันแรกที่จะทยอยหมดลงในปีนี้ ด้วยปัจจัยบวกดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลดีสำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์





พฤกษา ครองแชมป์ส่วนแบ่งตลาดสูงสุด


เมื่อพิจารณาจำนวนโครงการเปิดใหม่ในปี 2559 พบว่า บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด โดยมีจำนวนรวม 19,943 หน่วย มูลค่า 48,122 ล้านบาท อันดับ 2 บมจ.ศุภาลัย จำนวนรวม 6,151 หน่วย มูลค่า 17,624 ล้านบาท อันดับ 3 บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) จำนวนรวม 3,239 หน่วย มูลค่า 14,929 ล้านบาท ซึ่งการที่ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เป็นผู้ครองส่วนแบ่งทางการตลาด ส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนาที่ดินในหลายทำเล และเน้นกระจายการพัฒนาไปในทุกระดับราคา ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างมากยิ่นขึ้นอันส่งผลดีต่อยอดขายรวม





มาตรการลดค่าโอน ค่าจดจำนอง กระตุ้นตลาด


จากการสำรวจความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่าในช่วงราคาตั้งแต่ 1.5 – 5.49 ล้านบาท มีจำนวนสูงกว่าระดับราคา 5.5 ล้านบาทขึ้นไป อันเป็นผลมาจากมาตรการรัฐในการลดค่าโอน ค่าจดจำนอง ซึ่งช่วยกระตุ้นตลาดให้เกิดความต้องการซื้อในช่วงเวลานั้นๆ และเมื่อเปรียบเทียบความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่าอยู่ในภาวะชะลอตัวเล็กน้อยตัวในปี 2559 ช่วงราคาตั้งแต่ 55,000 – 94,999 บาท ขึ้นไป เกิดจากผู้เช่าเดิมมีการย้ายกลับประเทศจำนวนพอสมควร แต่ทั้งนี้ ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากนักในระดับราคาอื่นๆ นับว่าความต้องการเช่าโดยรวม ยังอยู่ในระดับที่ดีอยู่



สุขุมวิทตอนกลางยังฮอท


สำหรับเขตพื้นที่ที่ได้รับความนิยมซื้อและเช่าจะยังคงเป็นโซนสุขุมวิทตอนกลาง อโศกถึงพระโขนง เนื่องจากเป็นคอนโดที่อยู่ในอยู่ใจกลางเมือง เกาะแนวเส้นรถไฟฟ้า ใกล้ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง และเป็นจุดเชื่อมต่อไปหลายๆ เส้นทางได้ อีกทั้งยังมีราคาที่หลากหลาย ตั้งแต่คอนโดระดับพรีเมี่ยม ราคาตารางเมตรละ 300,000 ไปจนถึงคอนโดรีเซลส์ที่หาซื้อได้ในราคาตารางเมตรละแสนกว่าบาทก็มีอยู่ในโซนนี้ ซึ่งคอนโดรีเซล์ เป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และซื้อเพื่อการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากราคาถูกกว่า 30-40% ในขณะที่สภาพที่อยู่อาศัยแบบรีเซลล์นั้นก็ไม่ต่างจากที่อยู่อาศัยมือหนึ่งมากนัก เห็นได้จากราคาคอนโดเปิดใหม่ย่านทองหล่อ เอกมัยตอนนี้ ราคาขายต่อตารางเมตรเกินกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรไปแล้ว ซึ่งหากเทียบคอนโดรีเซลล์กับโครงการใหม่พร้อมอยู่ คอนโดรีเซลล์ในย่านเอกมัย ทองหล่อ ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว



กล่าวโดยสรุปคือ สำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2560 นี้ จะมีการขยายตัวมากขึ้นกว่าในช่างปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายการลงทุนของภาครัฐ และการลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น โดยประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงเป็นที่นิยมสำหรับการซื้อไว้ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุนคือคอนโดมิเนียม และทำเลยอดนิยมจะอยู่ใน CBD เกาะแนวรถไฟฟ้า ซึ่งราคาต่อตารางเมตรยังคงพุ่งทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ ตามความต้องการที่มีเพิ่มมากขึ้นไปเช่นกัน



ท่านสามารถอ่านบทความดีๆ จากทีมงาน BC เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.bkkcitismart.com/บทความ



##REGISTER_FORM##
อ่านเพิ่มเติม