วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563

ติดเครดิตบูโร กู้เงินซื้อบ้านอย่างไรให้ผ่านฉลุย

อยากให้ธนาคารอนุมัติกู้เงินซื้อบ้าน แต่เป็นหนี้บัตรเครดิต ติดเครดิตบูโร ยังสามารถซื้อบ้านได้ไหม และควรทำอย่างไร?


ติดเครดิตบูโร ซื้อบ้านได้ไหม.jpg

หลายคนมีข้อสงสัยว่า หากมีบัตรเครดิตที่ยังผ่อนชำระไม่หมด หรือขาดส่ง ไปจนถึงกรณีที่ไม่ส่งเลยจนติดเครดิตบูโรจนเกิดการ Backlist สามารถกู้สินเชื่อบ้านได้หรือไม่

การมีบัตรเครดิต มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ หากเราชำระหนี้ตรงต่อเวลา ไม่ผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารจะมองว่าเราเป็นลูกค้าที่มีเครดิตดี น่าเชื่อถือ สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายและมีวินัยทางการเงิน ทำให้ธนาคารอนุมัติการกู้เงินซื้อบ้านได้ง่ายยิ่งขึ้น

ส่วนข้อเสียคือ หากเราชำระไม่ตรงเวลา หรือไม่จ่ายจนติด Backlist อาจจะทำให้ธนาคารไม่สามารถปล่อยกู้ได้เลย เนื่องจากเครดิตทางการเงินของเราไม่ดี และทำให้แบงก์ขาดความเชื่อมั่น แต่ในกรณีของคนที่มีบัตรเครดิตหลายใบแต่มีรายได้สูง จ่ายครบตรงตามรอบกำหนด แบบนี้อาจไม่มีผลกระทบอะไรครับ

ติดหนี้บัตรเครดิต ติดเครดิตบูโร สามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่?

การมีหนี้บัตรเครดิตสามารถยื่นขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านได้ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประวัติเครดิตด้านการเงินของเรา หากกรณีที่อยู่ในระหว่างผ่อนจ่ายบัตรเครดิต ธนาคารจะนำภาระหนี้คงเหลือมาคิดคำนวณกับรายรับของผู้กู้ โดยต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน

ดังนั้น เมื่อมีหนี้บัตรเครดิตสูงก็อาจทำให้ไปเกินวงเงินที่ธนาคารกำหนดได้ นั่นก็อาจเป็นอีกเหตุผลที่ธนาคารจะไม่อนุมัติสินเชือเพื่อกู้ซื้อบ้านครับ

สูตรการคำนวณภาระหนี้ต่อเงินเดือน (เปอร์เซ็นต์)

ภาระผ่อนหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่อเดือน x 100 ÷ รายได้ต่อเดือน = ภาระหนี้ต่อเงินเดือน

สูตรการคำนวณ วงเงินที่เราสามารถกู้ได้

ประมาณการวงเงินกู้เบื้องต้นด้วยอัตราผ่อน 7,000 บาท : วงเงินกู้ 1 ล้านบาท*
(ความสามารถในการชำระหนี้ x 1,000,000) ÷ 7,000 = ยอดวงเงินกู้

หรือใช้เครื่องมือคำนวณสินเชื่อจาก BC www.bkkcitismart.com/เครื่องมือคำนวณสินเชื่อ

วิธีกู้เงินซื้อบ้านอย่างไร ให้ธนาคารอนุมัติง่าย ผ่านฉลุย

จริง ๆ แล้ว หากมีหนี้บัตรเครดิต หรือติดเครดิตบูโร ธนาคารจะพิจารณาการกู้เป็นกรณี สามารถปรึกษากับตัวแทนอสังหาฯ อย่าง BC หรือกับธนาคารได้โดยตรง โดยเบื้องต้นสิ่งที่จะทำให้ธนาคารอนุมัติได้ง่าย ๆ มีดังนี้

1. หาคนกู้ร่วม

หากคุณมีหนี้บัตรเครดิตแล้วยังผ่อนจ่ายไม่หมด สามารถกู้ร่วมเพื่อให้ธนาคารอนุมัติได้ง่ายขึ้น ผู้ที่ยื่นกู้ร่วมต้องมีนามสกุลเดียวกัน เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด เช่น บิดา มารดา พี่ น้อง และ สามี ภรรยา

นอกจากนี้ต้องตรวจสอบสถานะทางการเงินให้ดีด้วย เพราะบางธนาคารจะไม่คิดวงเงินกู้ร่วมของฝ่ายที่ไม่ได้ทำงานประจำ หรือมีเงินเดือนประจำให้ รายละเอียดและสิ่งที่ควรรู้ก่อนกู้ร่วมซื้อบ้าน

2. เปลี่ยนหนี้บัตรเครดิต เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์

การเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิต เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ เป็นวิธีที่แนะนำ เนื่องจากเป็นวิธีการลดภาระหนี้ในแต่ละเดือน ซึ่งข้อดีของการเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตมาเป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ หรือรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็คือคุณจะมีรายจ่ายในแต่ละเดือนลดลง

เช่น หากเรามีหนี้บัตรเครดิต 200,000 บาท ปกติต้องจ่ายขั้นต่ำต่อเดือน 20,000 บาท แต่หากเรายื่นกู้อเนกประสงค์มาตัดบัตรเครดิต คุณจะเหลือผ่อนเดือนละ 5,299 ต่อเดือน หากเลือกระยะเวลาผ่อน 5 ปี (ดอกเบี้ยอยู่ที่ 20%) เป็นต้น

3. สร้างเครดิตให้ดี ไม่ผิดนัดชำระ

หากเราเลือกจะผ่อนสินค้าอะไรก็ตามแต่ สุดท้ายแล้วต้องมีวินัยด้านการเงิน จ่ายหนี้ให้ตรงเวลา ไม่ผิดนัดชำระหนี้ เพราะถ้าเราจะทำเรื่องกู้สินเชื่อ หรือธุรกรรมการเงินอะไรก็ตาม ธนาคารจะตรวจสอบว่าเรามีประวัติชำระหนี้อย่างดีหรือไม่

ถ้าประวัติไม่ดี ธนาคารก็มีโอกาสปฏิเสธการอนุมัติสูง และถึงแม้ว่าเราจะจ่ายหนี้ทั้งหมดทุกอย่างแล้ว อย่างไรก็ตามต้องรอไปอีก 3 ปี ธนาคารถึงจะยอมพิจารณาให้อีกครั้งหนึ่งครับ

4. ไม่ควรเปลี่ยนงานบ่อย

หากเราเป็นคนเปลี่ยนงานบ่อย อยู่กับที่ทำงานเดิมไม่ถึง 1 ปี ธนาคารจะมองว่าเราไม่มั่นคง ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ทางที่ดี ถ้าอยากจะกู้ซื้อบ้าน แนะนำว่าอย่าเพิ่งเปลี่ยนงานดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็ควรมีอายุงานเกิน 1 ปี เพื่อให้ธนาคารมั่นใจว่าเรามีความมั่นคงในหน้าที่การงานนี้นั่นเองครับ

5. ปลดภาระค้ำประกันสินเชื่อให้บุคคลอื่น

หากเรามีภาระค้ำประกันให้ผู้อื่น ทางที่ดีควรรีบหาทางปลดภาระเหล่านี้ เพราะธนาคารจะนำมาคิดเป็นภาระหนี้ของเราด้วย หากเรามีไปค้ำประกันให้ใคร

เนื่องจากถ้าเราค้ำประกันให้บุคคลอื่นอยู่ วงเงินที่จะกู้ได้ก็จะลดน้อยลง หรืออาจจะกู้ไม่ผ่านเลย เพราะว่าโดยปกติสถาบันการเงินจะคำนวณภาระหนี้ไม่เกิน 40% ของรายได้ของผู้กู้

สุดท้ายแล้ว หากเราวางแผนจะซื้อคอนโดหรือบ้าน ควรรักษาประวัติด้านการใช้จ่ายให้ดี จ่ายตรงเวลาทุกเดือน และในระหว่างเตรียมตัวจะซื้อบ้าน/คอนโด ควรหลีกเลี่ยงการซื้อของชิ้นใหญ่เพิ่ม เช่น รถยนต์ เพราะธนาคารจะมองว่าเรามีภาระเยอะอยู่แล้ว และไม่น่าจะผ่อนจ่ายบ้าน/คอนโดไหว ทำให้ธนาคารไม่อนุมัติการกู้นั่นเองครับ
 
อ่านเพิ่มเติม